แตงโม สรรพคุณ ประโยชน์และโทษของแตงโม
แตงโมมีสรรพคุณส่วนช่วยเผาผลาญแคลอรีและยังช่วยให้อิ่มได้เร็วขึ้น ทำให้ทานอาหารอย่างอื่นได้น้อยลง แต่แตงโมมีแคลอรีต่ำ จึงช่วยควบคุมปริมาณแคลอรีที่ร่างกายจะได้รับ ซึ่งหากควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่กันจะทำให้การควบคุมน้ำหนักได้ผลดียิ่งขึ้น การกินแตงโมช่วยบำรุงกำลังและเจริญปัญญาอีกด้วย
แตงโม จัดเป็นพืชในตระกูลเดียวกันกับ แคนตาลูป ฟักทอง แตงกวา ซึ่งนักพฤกษศาสตร์จัดให้อยู่ในวงศ์แตง (Family Cucurbitaceae) เป็นผลไม้ที่มีน้ำประกอบอยู่ในปริมาณมากจึงมีคุณสมบัติเย็น รับประทานแล้วหวานชื่นใจ สำหรับประโยชน์ของแตงโมนั่นก็เช่น ช่วยลดอาการไข้ คอแห้ง รักษาแผลในปาก เป็นต้น และยังเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอีกด้วยเพราะอุดุมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด อย่างเช่นวิตามินเอ ซี วิตามินบีรวม แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส เป็นต้น แต่สำหรับผู้ที่มีกระเพาะ ม้าไม่แข็งแรง กระเพาะลำไส้อักเสบ หญิงหลังคลอด หลังป่วยหนัก หรือผู้ที่มีอาการปัสสาวะมากและบ่อย มีอาการท้องร่วงง่าย ไม่ควรรับประทานแตงโม
ชื่อสามัญ : Water Melon
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Citrullus lanatus Mats & Nakai
ชื่ออื่น : หมากโม แตงอุลิด
แตงโมนั้นมีต้นกำเนิดในแถบทวีปแอฟริกาในทะเลทรายคาลาฮารี ซึ่งชาติที่แรกที่ปลูกแตงโมไว้รับประทานนั้นก็คือชาวอียิปต์ (สี่พันกว่าปีมาแล้ว) สำหรับประเทศไทยนั้นการปลูกแตงโมจะมีอยู่ทั่วทุกภาคและปลูกได้ทุกฤดู สามารถปลูกแตงโมได้ตลอดปี และปลูกกันได้ทั่วทุกภาค โดยสามารถปลูกในดินเกือบทุกชนิด เพราะเป็นพืชปลูกง่ายเจริญเติบโตเร็ว จึงเป็นพืชที่เหมาะสำหรับปลูกหลังเก็บเกี่ยวข้าวเรียบร้อยแล้ว
แตงโมเป็นพืชเป็นพืชในวงศ์ (Cucurbitaceae) เช่นเดียวกับบวบ ฟัก และแตงชนิดต่างๆที่นำเสนอไปแล้ว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า (Citrullus lanatus Mats. Et Nakai) ภาษาอังกฤษเรียก Water melon ภาคเหนือเรียก มะเต้า ภาคใต้เรียก แตงจีน
สารที่พบในแตงโม
แตงโมมีน้ำถึง 96.6% ในเนื้อจะมีวิตามินเอ, บี, ซี กรดนิโคตินิค กลูโคส ฟรุคโตส ซูโครส โปรตีน คาโรทีน กรดมาลิค กรดฟอสฟอริค กรดกลูตามิค แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เซลลูโลส เป็นต้น
แตงโม มีสารอีกชนิดหนึ่งที่สำคัญอย่างมากนั่นก็คือ Citrulline (ซิทรูไลน์) ซึ่งจะพบสารนี้ในเปลือกมากกว่าส่วนของเนื้อ ดังนั้นการรับประทานแตงโมที่มีส่วนเปลือกขาวๆติดมาด้วยก็จะเป็นประโยชน์ที่ดีมากกว่าที่จะกินแต่เนื้อสดๆ สำหรับประโยชน์ของสารนี้ก็คือ จะช่วยขยายเส้นเลือด ดีต่อระบบภูมิคุ้มกันและยังเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนอีกด้วย เพราะมีแคลอรีต่ำมาก อย่างไรก็ตามก่อนที่เราจะผ่าแตงโมรับประทานควรจะล้างเปลือกให้สะอาดเสียก่อนเพื่อป้องกันสารพิษตกค้างซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ เพราะแตงโมเป็นพืชที่ถูกรบกวนได้ง่ายจากแมลงศัตรูพืชต่างๆ ชาวสวนจึงนิยมที่จะฉีดยาฆ่าแมลงเป็นปกติ
ประโยชน์ของแตงโม
- เป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ต้องการลดความอ้วนหรือควบคุมน้ำหนักอย่างมาก เพราะมีแคลอรี่ต่ำ
- ประโยชน์แตงโมช่วยในการควบคุมน้ำหนักไม่ให้น้ำหนักเกิน ป้องกันการสะสมของไขมันที่เป็นอันตรายกับร่างกาย ลดปริมาณไขมันที่จับอยู่ภายในเลือด
- สรรพคุณของแตงโมแตงโมมี “ไลโคปีน” (Lycopene) ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งและโรคหัวใจ
- ช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรง เพราะประกอบไปด้วยวิามินและแร่ธาตุหลายชนิด
- แตงโมมีกรดอะมิโน Citrulline ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจ
- แตงโมมีสารออกฤทธิ์ชนิดหนึ่งที่คล้ายกับยาแก้อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อย่างไวอากร้า ซึ่งจะออกฤทธิ์กระตุ้นให้หลอดเลือดคลายตัวช่วยให้ระบบหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น
- มีส่วนช่วยบำรุงสายตา เพราะมีวิตามินเอในผลแตงโม
- มีส่วนช่วยล้างพิษจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปได้ด้วย
- ใช้รับประทานเป็นผลไม้สด ทำเป็นน้ำผลไม้ดื่มคลายร้อน ลดความร้อนในร่างกาย
- เปลือกหรือผลอ่อนใช้ทำเป็นอาหาร อย่างแกงส้ม เป็นต้น
- เปลือกที่มีสีเขียวอ่อนหรือขาวสามารถนำมารับประทานเป็นผักได้
- นำไปทำเป็นไวน์ได้
- นำไปแปรรูปเป็น แยมแตงโม เมล็ดแตงโม หรือทำเป็นสบู่แตงโมก็ได้
- แตงโมพอกหน้าทรีมเม้นท์บำรุงผิวเพิ่มความชุ่มชื่นแบบง่ายๆ ด้วยการนำเนื้อแตงโมมาฝานบางๆ แล้วนำมาวางไว้บนผ้าขาวบาง จากนั้นนำมาวางปิดลงบนใบหน้าให้ทั่วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
สรรพคุณของแตงโม
- ประโยชน์ของแตงโมช่วยแก้เบาหวานและดีซ่าน
- ช่วยบำรุงสมอง (เมล็ด)
- ช่วยบำรุงร่างกาย (เมล็ด)
- ช่วยบำรุงปอด (เมล็ด)
- แตงโมสรรพคุณช่วยควบคุมความดันโลหิต และมีส่วนช่วยลดความดันโลหิตลงได้ (Citrulline)
- ช่วยรักษาโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัวได้
- ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
- ช่วยป้องกันหวัด
- ช่วยลดอาการไข้ แก้คอแห้ง (น้ำแตงโม)
- ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการใช้ใบมาชงดื่ม (ใบ)
- ช่วยบรรเทารักษาแผลในช่องปาก (น้ำแตงโม)
- ป้องกันการเจ็บคอ ด้วยการนำเปลือกแตงโมไปต้มเดือดแล้วเติมน้ำทรายแล้วนำน้ำมาดื่ม (เปลือก)
- แก้อาการเมาเหล้า
- แก้โรคตับ (เมล็ด)
- แตงโมมีเบตาแคโรทีน ซึ่งช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจและระบบขับปัสสาวะ
- ช่วยย่อยอาหาร ช่วยระบายท้อง
- สรรพคุณของแตงโมใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ (เมล็ด)
- ช่วยขับปัสสาวะ
- แก้อาการปวดกระเพาะปัสสาวะ (เมล็ด)
- รากมีน้ำยางใช้กินแก้อาการตกเลือดหลังการแท้ง (ราก)
- ใช้ทารักษาแผล ด้วยการใช้เปลือกแตงโมล้างสะอาด นำมาผิงไฟหรือตากให้แห้งแล้วนำมาบดให้เป็นผงแล้วนำมาบริเวณแผล (เปลือก)
- สรรพคุณแตงโมช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น
- ช่วยป้องกันการติดเชื้อต่างๆ
ประโยชน์ของแตงโมในทรรศนะจีน
เนื้อแตงโมมีรสหวาน มีคุณสมบัติเย็น จึงจัดเป็นอาหารพวกยิน ในหนังสือเภสัชวิทยาที่สำคัญของจีน เช่น เปิ่นฉ่าวไป่เอี้ยว เปิ่นฉ่าวกางมู่ ได้บันทึกไว้ว่า แตงโมดับร้อนแก้กระหายน้ำ แก้อาหารเจ็บคอ แก้ร้อนกระวนกระวาน แก้พิษสุรา แก้บิดและขับปัสสาวะ
เมล็ดแตงโมไม่มีรสหวาน คุณสมบัติเป็นกลาง (ไม่ร้อน ไม่เย็น)
- ถ้ามีอาการเป็นไข้ คอแห้ง เหงื่ออกมาก ร้อนกระวนกระวายให้ดื่มน้ำแตงโมต่างน้ำ จะทำให้อาการดังกล่าวลดน้อยลงหรือหายไป ดังสุภาษิตจีนที่กล่าวไว้ว่า “หน้าร้อนกินแตงโมสองชิ้น ไม่ต้องซื้อยามากิน”
- เป็นแผลในปาก ให้ใช้น้ำแตงโมอมบ่อยๆ หรือจะเอาเปลือกแตงโมผึ่งไฟหรือตากให้แห้ง บดเป็นผงแล้วทาบริเวณที่เป็น
ในฤดูร้อนอากาศร้อน หลังจากกินแตงโมแล้วเปลือกแตงโมอย่างทิ้งขูดเอาส่วนที่เป็นเนื้อขาวทิ้ง นำเอาเปลือกไปต้มให้เดือดแล้วเติมน้ำตาลทรายลงไปพอหวาน ดื่มแทนน้ำจะทำให้ชุ่มคอ ช่วยป้องกันและลดอาการคอแห้ง เจ็บคอ แก้กระหายน้ำ และช่วยขับปัสสาวะด้วย นับว่าเป็นเครื่องดื่มชั้นดีในฤดูร้อนดีกว่าไปซื้อน้ำอัดลมกิน เป็นการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย (และรายได้มาก) - ไตอักเสบเรื้อรัง ใช้แตงโมทั้งลูกล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เคี่ยวจนข้น แล้วเติมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมลงไป (เป็นยาน้ำเชื่อม) กินวันละครั้งๆ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือจะกินเนื้อแตงโมเป็นประจำก็ได้ในปริมาณที่เหมาะกับร่างกายพอดี
- ผลการศึกษาพบว่า แตงโมมีน้ำตาล พวกเกลือแร่ต่างๆ (ส่วนมากเป็นเกลือของแคลเซียม) และเอนไซม์สามารถรักษาโรคไตอักเสบ และลดความดันโลหิตได้ ทั้งนี้เพราะปริมาณของน้ำตาลและเกลือโปแตสที่พอเหมาะจะสามารถขับปัสสาวะและลดการอักเสบของไตลงได้
- นอกจากนี้เอนไซม์ในแตงโมยังสามารถเปลี่ยนโปรตีนซึ่งไม่ละลายให้เป็นโปรตีนที่ละลายได้ เป็นการเพิ่มอาหารให้กับผู้ป่วยด้วย นอกจากนี้ กลัยโคไซด์ ในแตงโมสามารถลดความดันของโลหิตได้อีกด้วย
- เบาหวาน ใช้เปลือกแตงโมและเปลือกฟักเขียว อย่างละ 30 กรัม ต้มน้ำดื่มวันละ 3 ครั้ง
- แก้ฤทธิ์สุรา ให้กินเนื้อแตงโมสด 1/2 ถึง 1 กิโลกรัม หรือจะใช้เปลือกแตงโม 60 กรัม (สด 120 กรัม) ต้มน้ำดื่ม
- ท้องผูกในสตรีมีครรภ์ ใช้เมล็ดแตงโม 15 กรัม ตำให้แหลกละเอียดเติมน้ำผึ้ง 15 กรัม และน้ำพอประมาณ ตุ๋นนานครึ่งชั่วโมง กินวันละครั้ง 3 วันติดต่อกัน
- ประจำเดือนมากผิดปกติ ใช้เมล็ดแตงโมตากแห้ง (หรืออบแห้ง) แล้วบดเป็นผง ชงน้ำกินวันละสองครั้ง เช้า-เย็น
- เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2517 บรรณาธิการข่าวต่างประเทศของหนังสือพิมพ์ “ไทม์วีคลี่” ของฟิลิปปินส์ ซึ่งได้เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมกับ มาดามมากอส ในระหว่าเยือนจีน เขาเกิดป่วยขึ้นอย่างกะทันหันมีอาการรุนแรงมาก (ไม่ได้บอกว่าเป็นโรคอะไร) หมอนอกจากจะให้กินยาแล้ว แตงโมก็มีส่วนร่วมในการรักษาโรคด้วย เขาหายอย่างรวดเร็ว หลังจากกลับฟิลิปปินส์ เขาได้เขียนบทความ 10 กว่าเรื่องกล่าวยกย่องแพทย์จีน อาทิเช่น “นายแพทย์ชาวจีนได้ช่วยชีวิตผม ” “แตงโมได้ช่วยชีวิตผมด้วย”
ชาวจีนมักนิยมกินแตงโมโดยจิ้มกับเกลือ จะทำให้คลายร้อน แก้กระหายน้ำ กระชุ่มกระชวย
- แม้แตงโมจะเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ แต่อย่ากินแตงโมมากเกินไป ทั้งนี้เพราะน้ำจากแตงโมซึ่งมีจำนวนมากจะทำให้น้ำย่อยในกรเพาะอาหารเจือจางลง ทำให้อาหารไม่ย่อย หรือท้องเสีย นอกจากนี้อย่ากินแตงโมดิบหรือเน่า เพราะจะทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหารได้ โดยเฉพาะท้องร่วง และอาเจียน
- สำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคเยื่อบุลำไส้อักเสบเรื้องรัง มักมีอาการท้องเสียบ่อยๆ หรือมีความดันโลหิตต่ำ มีร่างกายอ่อนแอ หรือมีอาการที่แพทย์จีนเรียกว่า ม้ามพร้อง คือมีอาการท้องอืดท้องแน่น อาหารไม่ค่อยย่อย มีแก๊สในกระเพาะอาหรมาก ไม่ควรกินแตงโม (อาจกินได้บ้างเล็กน้อย) โดยเฉพาะเด็กที่ชอบกินแตงโม เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรค ไม่ควรกินแตงโมแช่เย็น หรือกินมากเกินไป โดยเฉพาะเด็กที่มีอาการม้ามพร่องและมีเหงื่อออก เป็นหวัดและไอบ่อยตอนกลางคืน
- สำหรับท่านที่มีอาการร้อนใน คือ มีไข้สูง ปวดหัว ท้องผูก คอแห้ง กระหายน้ำ ตัวร้อนเหงื่ออก ตาแดง ปากเหม็น ลิ้นแห้ง มีฝ้าสีเหลืองปัสสาวะสีเข้มและน้อย บางครั้งถ่ายจะแสบ ถ้ามีอาการดังกล่าวให้กินแตงโมมากๆ จะทำให้อาการไข้ลดลง หรือหายไป การขับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะจะเป็นปกติ และถ้าม้ามพร่องหรือมีอาการดังกล่าวข้างต้น ให้กินน้อยๆ หรือห้ามกิน
ขอขอบคุณบทความจาก http://www.monmai.com/แตงโม